หน้าแรก

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คุมน้ำมันอยู่แค่ที่อ่าวพร้าว 'ทรายแก้ว-ไผ่'เที่ยวได้ปกติ

 Pic_360590

นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ยังคงเล่นน้ำและบริโภคอาหารทะเลในหาดอื่นๆ ของเกาะเสม็ดตามปกติ โดยไม่กังวลกับสถานการณ์ที่อ่าวพร้าว ขณะที่ผู้ประกอบการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ว่า พื้นที่อื่นๆ ยังปลอดภัย เผยต่างชาติยกเลิกทัวร์ ส.ค.ทั้งเดือน รายได้หายชัดเจน...

เมื่อวันที่ 31 มีรายงานความคืบหน้ากรณีน้ำมันรั่วกลืนชายหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง ล่าสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจิตอาสาได้ร่วมกันดำเนินการจัดการคราบน้ำมันจนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในทางดีขึ้น ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว "ไทยรัฐออนไลน์" ได้ลงพื้นที่สำรวจหาดทรายแก้วและอ่าวไผ่ ซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของเกาะเสม็ด พบว่า ไม่มีคราบน้ำมันแต่อย่างใด นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยังเดินทางท่องเที่ยวมาอย่างคึกคัก โดยที่อ่าวไผ่ ยังมีคนมาเล่นน้ำตามปกติ น้ำใส ไม่มีกลิ่น และคราบน้ำมันเจือปนมาในน้ำทะเล
ทั้งนี้ น.ส.สายไหม กนกวรรณบุญนาค นักท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ไม่กังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่หาดทรายแก้วไม่มีกลิ่นน้ำมันและไม่มีคราบน้ำมันปรากฏให้เห็น ทำให้ลงเล่นน้ำได้ตามปกติ

"ตอนแรกๆ ที่ได้ยินข่าวรู้สึกกังวลบ้าง แต่เมื่อมาพบกับธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ต่างจากอ่าวพร้าวที่เห็นในภาพตามสื่อต่างๆ จึงกล้าเล่นน้ำและรับประทานอาหารตามปกติ" น.ส.สายไหม กล่าว

ส่วนนางสาวอุไร ขาน้อย นักท่องเที่ยวชาว กทม. กล่าวว่า รู้สึกกังวลตอนที่ได้ยินข่าวครั้งแรกเหมือนกัน แต่เมื่อเดินทางมาถึงกลับไม่เป็นเหมือนข่าว ทำให้ไม่รู้สึกกลัว หรือกังวล กล้าเล่นน้ำ เมื่อเล่นแล้วก็ไม่มีอาการแพ้ใดๆ นอกจากนี้ ยังรับประทานอาหารทะเลได้ตามปกติด้วย

ขณะที่ นายรุ่งโรจน์ โพธิ์เพชร ตัวแทนผู้ประกอบการแหลมใหญ่รีสอร์ท หาดทรายแก้ว ระบุว่า ต้องการให้ ปตท. เรียกประชุมผู้ประกอบการทั้งเกาะเสม็ด เพื่อปรึกษาหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ว่าจะมีวิธีการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวเกาะเสม็ด ให้กลับมาเหมือนเดิมอย่างไร เนื่องจากข่าวที่ออกไปนำเสนอเฉพาะมุมของอ่าวพร้าว ทำให้นักท่องเที่ยวแตกตื่น ทั้งที่อ่าวอื่นๆ ยังสามารถท่องเที่ยวได้อยู่ตามปกติ

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้สื่อมวลชนนำเสนอตามข้อเท็จจริงและนำเสนอหาดทรายอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบ และยังท่องเที่ยวได้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กรุ๊ปทัวร์ชาวจีน ยกเลิกจองห้องพักของเดือน ส.ค. ทั้งหมดแล้ว ทำให้สูญเสียรายได้ชัดเจน เบื้องต้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงทำให้ยอดขายหดลงไป 70% แล้ว ส่วนการวางแผนฟื้นฟูเกาะ อยากให้ ปตท. กำหนดวันที่แน่นอนว่าจะสามารถทำให้แล้วเสร็จภายในกี่วัน เพราะความเสียหายเป็นเหมือนลูกโซ่ กระทบการท่องเที่ยว ชาวประมงพื้นบ้าน และชาวบ้าน

ด้านกลุ่มกิจการเพื่อสังคม ปตท. พื้นที่ระยอง นำโดย นายเดชา บุญวรรณ ผู้จัดการส่วนสื่อสารและกิจการเพื่อสังคมพื้นที่ระยอง ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายบริเวณเกาะเสม็ด ตั้งแต่ด้านทิศเหนือไปจนถึงฝั่งตะวันออก โดยแบ่งทีมงานเป็นทั้งหมด สี่กลุ่ม เพื่อสอบถามถึงปัญหากับผู้ประกอบการและชาวบ้านว่าได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพื่อนำปัญหาของผู้ประกอบการและชาวบ้าน ไปให้ PTTGC ประเมินความเสียหายและตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนออกมาตรการชดเชยให้กับผู้ประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม.

ที่มา thairath