หน้าแรก

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เอมิเรตส์เพิ่มเที่ยวบิน เป็น 6 เที่ยวบินทุกวัน ดูไบ-กรุงเทพฯ



สายการบินเอมิเรตส์เพิ่มเที่ยวบินตรง ดูไบ-กรุงเทพฯ เป็น 6 เที่ยวบินต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. 56 เป็นต้นไป

มร. แบร์รี่ บราวน์ รองประธานอาวุโส การปฏิบัติการพานิชย์ ภูมิภาคตะวันออก สายการบินเอมิเรตส์ กล่าวว่า “สายการบินเอมิเรตส์จะเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงสู่กรุงเทพฯทุกวัน เป็นเที่ยวบินที่หก เที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นใหม่ EK370 จะออกเดินทางจากดูไบเวลา 15.20 น. และเดินทางถึงกรุงเทพ 00.20 น. วันรุ่งขึ้น ส่วนขาออกจากกรุงเทพ EK371 ออกเดินทาง 01.55 น. และถึงดูไบเวลา 05.45 น. นอกจากนั้นยังเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ-ดูไบที่ให้บริการด้วยเครื่อง A380 เป็น 2 เที่ยวต่อวัน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยต่อสายการบินฯ”

“เราเพิ่มการบริการต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเส้นทางแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากเอมิเรตส์จะเปิดบริการเที่ยวบินที่หกทุกวันสู่กรุงเทพฯแล้ว เรายังเพิ่มเที่ยวบินจากดูไบสู่ฮ่องกงเป็นสี่เที่ยวบินต่อวันตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ศกนี้ และยังมีการเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงประจำทุกวันสู่ คลาร์ก ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้อีกด้วย” มร. บราวน์ กล่าวเพิ่ม

ที่มา manager

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ด่านซ้าย จัดงาน'ผีตาโขน'ปี56

นทท.นับหมื่นแห่เที่ยวงาน 'บุญหลวงและการละเล่นผีตาโขนด่านซ้าย' ปี56 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ก.ค.นี้ คาดเงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท


                       11 ก.ค.56 นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณี "บุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน" ประจำปี 2556 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคม ณ หน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย วัดโพนชัย และถนนแก้วอาสา อ.ด่านซ้าย จ.เลย มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมงานนับหมื่นคน
                       งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน เป็นประเพณีที่รวมเอา "งานบุญพระเวส" (ฮีตเดือนสี่) และ "งานบุญบั้งไฟ" (ฮีตเดือนหก) เข้าไว้เป็นงานบุญเดียวกัน นักท่องเที่ยวจะได้ชมขบวนแห่ "ผีตาโขน" ที่สร้างสีสันตื่นตา ตื่นใจ เต้นตามท่วงทำนองจังหวะดนตรีที่เร้าใจ แสดงเอกลักษณ์ของหน้ากากที่โดดเด่นของศิลปะการแต่งแต้มลวดลาย เน้นสีสันที่สดใสงดงาม โดยในปีนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดเลย ได้จัดกิจกรรม "ถนนผีฯ...คนเดิน (Phi Ta Khon Road)" เพื่อนำเสนอศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของชุมชนแห่งนี้
                       กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ พิธีเบิกพระอุปคุต พิธีบายศรีสู่ขวัญเจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม ขบวนแห่ผีตาโขน ขบวนแห่เจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียม และคณะพ่อแสน พิธีบายศรีสู่ขวัญพระเวส ขบวนพิธีอัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมือง พิธีจุดบั้งไฟบูชาพญาแถน พิธีทิ้งหน้ากากผีตาโขน พิธีเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ พร้อมด้วยการแสดงบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมือง งานแฮนด์เมด งานหัตถกรรม งานศิลปะ และงานไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆ จากชาวด่านซ้าย และชาวเมืองเลย และการแสดงดนตรีและแสดงโชว์ต่างๆ จากกลุ่มเยาวชน มหกรรมศูนย์อาหารสะอาดรสชาติอร่อย และกิจกรรม "กินอยู่ อย่างคนด่านซ้าย" จำหน่ายอาหารพื้นบ้านของชาวอำเภอด่านซ้าย
                       Jelka Gunther นักท่องเที่ยวและนักศึกษาชาวเยอรมัน เปิดเผยว่า มาเที่ยวเป็นครั้งแรกเมื่อทราบข่าวมาหลายปี มีโอกาสมาเที่ยวและมาศึกษาที่ประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว ประทับใจมากกับวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นซึ่งต่างประเทศไม่มีให้เห็นอย่างนี้ ตนเห็นว่าไม่มีอะไรต้องปรับเปลี่ยนเช่น อวัยวะเพศ ก็ถือว่าเป็นเรืองปกติสำหรับประเพณีที่มีมาตั้งแต่โบราณ ขอให้อนุรักษ์ไว้ก็พอแล้ว ถึงอย่างไรก็ขอให้พัฒนา ปรับในด้านภาษาเกี่ยวกับผีตาโขนหรือภาษาสากลให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อรองรับกับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย มีโอกาสก็จะเดินทางมาอีกแน่นอนพร้อมกับเพื่อนๆ และญาติ
                       MR .Al Caudullo ผู้สื่อข่าวทีวี 3 มิติชาวสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ดีใจมากกับการที่ได้มีโอกาสมาเที่ยว มาทำข่าวประเพณีและวัฒนธรรมของท้องถิ่น"บุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน" อ.ด่านซ้าย จ.เลย สิ่งที่น่าจะปรับปรุงน่าจะเป็นกำหนดวันจัดงานน่าจะให้สอดคล้องกับนักท่องเที่ยว เช่น จัดในวันหยุด ติดต่อกัน เป็นต้น และแจ้ง ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้ายาวนานหน่อย ด้านอื่นๆ นั้น ไม่มีอะไรแก้ไขเป็นเรื่องของประเพณีแต่ละท้องถิ่น แต่ละประเทศที่อาจจะไม่เหมือนกัน รักษาเอกลักษณ์ของตนเองไว้ให้ยาวนานที่สุดก็พอแล้วและน่าจะจัดระเบียบการมุงดูการล้อมขบวนแห่น่าจะสวยงามตามากกว่านี้ ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเรื่องยากที่จะห่ามปวงชนและนักท่องเที่ยวนับหมื่น
                       ด้านนางสาวยุพา ปานรอด ผอ.ททท.สำนักงาน เลย กล่าวว่า อำเภอด่านซ้ายกำหนดจัดงานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคม 2556 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย กำหนดกิจกรรม ถนนผี...คนเดิน ขึ้น ในวันที่ 9-10 กรกฎาคม 2556 เวลา 17.00 - 23.00 น. ที่บริเวณสวนสาธารณ เทศบาลตำบลด่านซ้าย กิจกรรมประกอบด้วยการแสดงงานศิลปะ งานหัตถกรรม และงานไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆ จากชาวด่านซ้ายและชาวเมืองเลย การแสดงดนตรีและการแสดงต่างๆ จากกลุ่มเยาวชน กิจกรรมประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน ถือเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่และสำคัญกิจกรรมของจังหวัดเลย ซึ่งแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก จังหวัดเลยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอด่านซ้าย ภูเรือ และอำเภอเชียงคาน เกือบ 2,000 ห้อง ซึ่งเพียงพอกับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ต้องการที่พัก นอกจากนั้นยังพักตามโฮมสเตย์ วัดและบ้านญาติ ในปี 2555 สถิติยอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวในจังหวัดเลย ประมาณกว่า 50,000 คน นำรายได้มายังพื้นที่ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท

ที่มา komchadluek

ทำบุญไหว้พระ 10 วัดยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด ในวันเข้าพรรษา 2556

วันเข้าพรรษา 2556

1.วัดโสธรวรารามวรวิหาร ไหว้ "หลวงพ่อโสธร" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา พระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง ตามประวัติเล่าว่า มีปาฏิหาริย์ลอยน้ำมาและมีผู้อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้
2.วัดพนัญเชิง ไหว้ "หลวงพ่อโต"พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ที่มีอายุมากที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หน้าตักกว้าง 20.17 เมตร และสูงจากชายพระชงฆ์ถึงพระรัศมี 19 เมตร ชาวจีนนิยมเรียกว่า ซำปอกง
3.วัดบางพลีใหญ่ จ. สมุทรปราการ ไหว้ "หลวงพ่อโต " พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวเมืองสมุทรปราการและพุทธศาสนิกชนทั่วไป
4.วัดปากน้ำโจ้โล้ ชมพระอุโบสถหนึ่งเดียวในประเทศที่ทาสีทองทั้งหลังและยังสามารถลอดใต้ฐานพระประธานได้เพื่อความเป็นสิริมงคล ณ  อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
5.วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี คือ แลนด์มาร์กการถ่ายภาพยนตร์และละครพื้นบ้านไทยในฉากปราสาทราชวัง ลองมาค้นหาว่าในละครที่ได้ชมมีฉากใดบ้างที่ถ่ายทำ ณ วัดแห่งนี้
6.วัดโกรกกราก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อปู่ พระพุทธรูปใส่แว่นตาดำ ซึ่งมีมูลเหตุจากความเชื่อและศรัทธาของชาวบ้านต่างกันไป
7.วัดม่วง จ.อ่างทอง ไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ และสิ่งศักสิทธิ์ภายในวัดมากมาย
8.วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง ไหว้พระนอนองค์ใหญ่อีก ทั้งชมพระอุโบสถ 3 ชั้น มีลิฟท์ให้บริการด้วย
9. วัดบางแคน้อย มหัศจรรย์กับโบสถ์ไม้แกะสลักพื้นโบสถ์สร้างด้วยไม้ตะเคียนเพียง 7 แผ่น ณ วัดบางแคน้อย อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
10.วัดสมานรัตนาราม ชมองค์พระพิฆเนศวรสีชมพูปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ วัดสมานรัตนาราม ริมแม่น้ำบางปะกง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา


ที่มา sanook

กิจกรรม "เที่ยว 2 เมืองสมุทร สุดปลายฟ้า แห่งเมืองพระราชา"

บรรยากาศของหน้าฝน หลายคนอยากพักผ่อนและอีกหลายคนก็กำลังคิดหาสถานที่ท่องเที่ยวสบายๆ บรรยากาศหน้าฝนนี้ จึงมีเส้นทางการท่องเที่ยวอีกหนึ่งเส้นทางเพื่อมานำเสนอให้เป็นทางเลือกกับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจอยากชมความสดชื่นในฤดูฝนนี้
กิจกรรมนี้ มีชื่อว่า " เที่ยว 2 เมืองสมุทร สุดปลายฟ้า แห่งเมืองพระราชา " 2 สมุทรในที่นี้คือจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม อีกทั้งเมืองแห่งพระราชาก็คือจังหวัดราชบุรีทริปนี้เราออกสตาร์ทไปยัง  อุทยานพระโพธิ์สัตว์กวนอิมต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร กราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรเพิ่มความเป็นสิริมงคล ให้เดินทางปลอดภัยและสนุกตลอดการเดินทาง
และหากเดินมาทางตรงข้ามประมาณ 300 เมตรก็จะได้สัมผัสกับ unseen ของจังหวัดสมุทรสารครเลยทีเดียว นั้นก็คือพระรูปนักบุญอันนา ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย หมุนได้ 360 องศา ณ วัดนักบุญอันนา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เพียงแค่หยอดเหรียญ 10 บาทลงไปก้จะหมุนอวดความสง่างามให้ท่านได้เห็นกันแล้ว
หลังจากนั้นออกเดินทางไปยังจังหวัดสมุทรที่ 2 ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็มาถึงจังหวัดสมุทรสงคราม ที่ วัดบางกุ้งอีกหนึ่ง unseen ขึ้นชื่อของประเทศไทย สักการะหลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์ที่ถูกปรกคลุมไปด้วยต้นกร่างทั้งองค์ หรือเที่เรียกกันว่า " โบสถ์ปรกโพธิ์ "
สมุทรสงครามยังมีสถานที่ที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเดินทางไม่ไกลจากที่นี่นักนั่นคือ " อาสนวิหารพระแม่บังเกิด " ต.บางนกแขวก จ.สมุทรสงคราม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชนที่อาศัยอยู่โดยรอบเป็นสถาปัตยกรรมกอทิกที่สร้างด้วยอิฐเผา ผนังฉาบด้วยปูนตำกับน้ำเชื้อมจากอ้อยใสสีดำ ภายในประดับด้วยกระจกสีจากประเทศฝรั่งเศสสวยงามเป็นอย่างมาก
เที่ยวถ่ายภาพกับสถานที่อันสวยงามกันเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าไปไปยังเมืองแห่งพระราชา อ.สวนผึ้ง ในขณะเดินทางเพียงแค่เริ่มเห็นป้ายอำเภอนี้ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นสบายและความสดชื่นแล้ว พวกเราแวะไปซื้อหญ้าให้อาหารและถ่ายภาพคู่กับแกะท่ามกลางหุบเขาที่ " เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม "
ก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า เราก็รีบกลับเข้าที่พัก " สวนผึ้งคันทรีฮิลล์ รีสอร์ท " นั่งชมพระอาทิตย์ลับหายไปจากท้องฟ้าโดยมีภูเขาเป็นฉากหน้าคอยบดบัง ต้องไม่ควรพลาดการบันทึกภาพแสงสุดท้ายของวันเป็นอันขาด
ตื่นเช้าจิบการแฟและอาหารเช้าอร่อยๆ ขากลับก็เดินทางกลับทางเดิมจะได้แวะซื้อของฝากกันที่ " ตลาดน้ำอัมพวา " ตลาดย้อนยุคขึ้นชื่อคุ้นหูใครหลายๆ คน ถ้าหากนึกถึงตลาดน้ำย้อนยุคใกล้กรุงหรือการล่องเรือออกไปชมหิ่งห้อย ที่นี่มีอาหารทะเลอร่อยๆ และของที่ระลึกที่เป็นเอกลักษณ์มากมายให้ได้ซื้อกลับไปฝากกันได้ครับ
ทริปนี้เป็นการเดินทางแบบสบายๆ ใช้เวลาไม่มาก หากยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ใดผมก็หวังว่าทริปนี้อาจจะเป็นทางเลือกดีๆ ให้เพื่อนๆ ได้ออกไปชื่นชมความสวยงามของประเทศไทยกันนะครับ
ขอขอบคุณ : นิตยสารโฟโต้เทค
เรื่องและภาพ : ทศพร สุภาพ
ที่มา sanook

10 ภูที่สวยน่าเที่ยวที่สุด ในเมืองไทย

1.ภูกระดึง เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเสมอมา ด้วยทัศนียภาพที่งดงามชวนเที่ยว ไฮไลต์ที่ขึ้นภูกระดึงมาแล้วจะต้องไม่พลาด "ผานกแอ่น" สถานที่ชมพระอาทิตย์ยามทอแสงแรกของวัน และ "ผาหล่มสัก" สัญลักษณ์ของภูกระดึงที่มีต้นสนแผ่กิ่งก้านอยู่ริมชะง่อนหินยื่นออกไป หลายๆ คนถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกและมาชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่นี่ 
2.ภูเรือ มีรูปพรรณสันฐานเหมือนเรือใหญ่บนยอดดอยสูง โดยรอบๆ จะเห็นยอดดอยเป็นขุนเขาน้อยใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกละอองขาวและป่าอันอุดมสมบูรณ์ มียอดเขาสูงที่สุดคือ ยอดภูเรือ มีความสูง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเล  มีอากาศเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จนกระทั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าแข็งตัวกลายเป็น "แม่คะนิ้ง" 
3.ภูทับเบิก ภูทับเบิกเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ (1,768 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง) แม้จะเปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนที่ลุ่มหลงความหนาวได้ไม่นานนัก ทว่าทิวเขาเทือกนี้ก็กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิตติดชาร์ท UNSEEN THAILAND ได้อย่างรวดเร็ว
4.ภูหินร่องกล้า แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางอุดมการณ์ของชนชาติไทยที่สำคัญในอดีต  มีอาณาเขตพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ถือเป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทย จึงไม่แปลกที่ภูหินร่องกล้าจะประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามอลังการมากมาย 
5.ภูทอก ( บึงกาฬ )  หรือ วัดเจติยาคีรีวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เหมาะแก่การบำเพ็ญธรรมของภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีความเงียบสงบ สวยงามด้วยธรรมชาติแวดล้อมแฝงไว้ซึ่งเสน่ห์ทางธรรม โดยมี "พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ" เป็นผู้ก่อตั้ง
6. ภูทอก( เลย ) ใครไปเที่ยวเมืองเชียงคานในฤดูหนาว อย่าพลาดขึ้นไปชมทะเลหมอกบนภูทอกซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ด้วยตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโขง มีความชื้นสูง ในตอนเช้าจึงเกิดทะเลหมอกขั้นหนาแน่นและกินเวลาหลายชั่วโมง
7. ภูสวนทราย  อุทยานแห่งชาติภูสวนทรายมีสภาพเป็นขุนเขาสูงสลับซับซ้อน และผืนป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวจัดจึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาสัมผัสอากาศหนาวเย็น ด้วยการกางเต็นท์นอนชมดาวกันทุกปี
8. ภูผาเทิบ  มีกลุ่มหินรูปทรงหลายแบบวางซ้อนทับกันคล้ายกับเพิงผาที่กันแดดกันลมได้ ซึ่งภาษาท้องถิ่นเรียกลักษณะเช่นนี้ว่า "เทิบ" และมีดอกไม้ผลัดเปลี่ยนกันออกดอกตามฤดูกาล เพิ่มความงามให้กับภูผาเทิบอีกมาก ซึ่งมีทั้งดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตามซอกหินผา เช่น เอนอ้า เทียนหิน หรือดุสิตา และดอกกล้วยไม้ประเภทช้างน้าว ตาลเหลือง เป็นต้น
9. ภูหลวง  ภูหลวงมีความหมายว่าเขาที่สูงใหญ่ หรือหมายถึงภูเขาของพระเจ้าแผ่นดิน เกิดจากการยกตัวของพื้นผิวโลกและดินส่วนที่อ่อนพัดพาลงสู่พื้นที่ส่วนต่ำ สภาพทั่วไปเป็นพื้นที่ราบสูง อากาศเย็นตลอดปี ตั้งอยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอวังสะพุง อำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย และอำเภอภูหลวง ฤดูกาลบนภูหลวงมี 3 ฤดูเหมือนพื้นราบแต่ระดับอุณหภูมิต่างกัน
10. ภูเวียง เมื่อพูดถึงนักท่องเที่ยวก็ต้องนึกถึงไดโนเสาร์ เพราะนักธรณีวิทยาได้ค้นพบซากกระดูกชิ้นหนึ่งเข้าและเมื่อส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสวิจัยผลปรากฏออกมาว่าเป็นกระดูกหัวเข่าข้างซ้ายของไดโนเสาร์ จากนั้นนักสำรวจก็ได้ทำการขุดค้นกันอย่างจริงจังเรื่อยมากระทั่งปัจจุบัน 
ที่มา sanook

เที่ยวเมืองไทยเหมือนไปเมืองนอก 5 ที่เที่ยวสุดฮอต!!!

1. the venezia huahin ( เดอะเวเนเซีย หัวหิน) สัมผัสบรรยากาศสุดประทับใจในแบบของเมืองเวนิส เมืองที่มีมนต์เสน่ห์ในเรื่องของการคมนาคมทางน้ำของประเทศอิตาลี ที่ถูกจำลองมาไว้ในประเทศไทย ซึ่งที่นี่จะได้ชอปชิมชิลล์กับอาคารร้านค้าที่มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรม (แต่ขณะนี้ที่นี่กำลังอยู่ในระหว่างการตกแต่ง คาดว่าจะเปิดให้เข้าชมกันอย่างเต็มที่ในเดือนสิงหาคมนี้)
2. swiss sheep farm  ( สวิส ชีพ ฟาร์ม ) ฟาร์มสไตล์ยูโรคันทรีที่ตั้งอยู่ในหุบเขาสวยงามรายล้อมด้วยบรรยากาศของความรัก อย่าคิดว่าชื่อ Swiss Sheep Farm แล้วจะมีแต่แกะ เพราะที่นี่ยังมีม้าและโคนม สัตว์เลี้ยงในฟาร์มมาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกลิ่นอายของความเป็นฟาร์มอย่างเต็มที่
3 . Mimosa Pattaya (มิโมซ่า พัทยา ใหม่สดเริ่ดสุดๆ ในพัทยาตอนนี้ต้องยกให้ Mimosa Pattaya ไลฟ์สไตล์มอลล์สุดชิคที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ The City of Love เมืองเเห่งความรัก จำลองบรรยา-กาศจากเมือง Colmar (โกลมาร์) หรือลิตเติ้ลเวนิสในฝรั่งเศสที่ติดอันดับเมืองโรแมนติก 1 ใน 10 ของโลก
4. Asiatique the Riverfront( เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ) "แหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนใจกลางกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ครบทุกสิ่งทั้งช้อป ชิม ชิลล์" ถ้าไม่อยากไปไหนไกลจากกรุงเทพ ลองขับรถมาเที่ยวที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์แหล่งท่องเที่ยวและช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตั้งอยู่ตรงข้าม เจริญกรุง 93 รวบรวมร้านค้าถึง 1,500 ร้านเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน
5. santorini park ( ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ) เป็นสถานที่แห่งสีสันที่จะจัดให้มีกิจกรรมตลอดทั้งปี ซึ่งมีสัดส่วนการใช้งานที่ลงตัว และยังได้รังสรรค์บรรยากาศให้เหมาะสำหรับการพักผ่อนต่างสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่สวนที่เปิดโล่ง เพื่อให้สามารถนั่งฟังเพลงจากคอนเสิร์ตเล็กๆ พร้อมวิวสวยๆ รอบตัว การตกแต่งที่นี่เป็นไปอย่างตั้งใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ดูสร้างสรรค์ แปลกใหม่ แล้วยังให้ความสุขใจ เมื่อใครๆได้พบเห็นอีกด้วย
ที่มา sanook

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ท่องเที่ยวทั่วไทย...วันฟ้าฝนฉ่ำ

ในวันฟ้าฉ่ำฝนการนอนเล่นเพลิน ๆ อยู่กับบ้านอาจเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่สำหรับประเทศไทย สายฝนไม่ได้ตกต่อเนื่องทุกวัน ช่วงที่ฝนขาดสายถือเป็นห้วงเวลาแห่งการเดินทางที่น่าสนใจไม่แพ้ช่วงไฮซีซั่นที่ผู้คนต่างแห่แหนกันไปเที่ยวจนแน่นขนัด โดยมีข้อดีและได้เปรียบที่ชาวต่างชาติเองก็เล็งเห็นที่ว่า ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว และที่สำคัญราคาที่พักในช่วงนี้จะถูกมากเป็นพิเศษแถมยังไม่ต้องแย่งจองห้องแข่งกับใคร
มนต์เสน่ห์เมืองเหนือ
ความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่ปกคลุมไปด้วยหมอกยามเช้าและอากาศบริสุทธิ์ ปรากฏการณ์ทุ่งดอกไม้ที่สวยงามท่ามกลางผืนป่าสีเขียว อย่างการชมทุ่งดอกไม้กุหลาบขาวบานบนลานหิน ณ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก หรือทุ่งดอกไม้ป่าที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ เรียนรู้วิถีชีวิตในชุมชน สัมผัสชีวิตเกษตรเมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์ เลือกชิมเลือกซื้อทุเรียนขึ้นชื่อพันธุ์หลง หลิน ปั่นจักรยานชมเมืองแพร่ ชมสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก ชมการปลูกข้าวตามไหล่เขาของนาข้าวขั้นบันไดที่แม่กลางหลวง จ.เชียงใหม่ นาข้าวขั้นบันไดที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน นาข้าวขั้นบันได อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน หรือร่วมงานประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ในท้องถิ่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเพณีใส่บาตรเทียน จ.น่าน, ประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำหนึ่งเดียวในโลก จ.พะเยา, ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน จ.แพร่, ประเพณีการแข่งขันเรือยาว จ.พิจิตร จ.น่าน และ จ.นครสวรรค์ รวมถึงกิจกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยอย่างล่องแก่ง ล่องแพ เดินป่าศึกษาระบบนิเวศ ทั้งหมดเป็นมนต์เสน่ห์ของเมืองเหนือในช่วงกรีนซีซั่น
โดยมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคเหนือวันธรรมดาและนอกฤดูกาล ที่ภูมิภาคภาคเหนือร่วมกับพันธมิตรเว็บไซต์หมูหินดอทคอมและเว็บไซต์อโกด้า จัดทำโครงการ “แอ่วเหนือ ม่วนกั๋น....วันธรรมดา” ตั้งแต่พฤษภาคม-เดือนกันยายน 2556 โดยมอบส่วนลดห้องพักสูงสุดถึง 64% ผ่าน www.moohin.com/tat2013 วันนี้-30 ก.ย. 2556

ขณะที่ ททท.สำนักงานพิษณุโลกจัดโครงการ Green Season Fun All กระตุ้นตลาดท่องเที่ยวสร้างบรรยากาศเที่ยวเมืองไทย ฤดูไหน ๆ ก็เที่ยวได้ ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจที่พัก ร้านอาหาร รถเช่า บริษัทล่องแก่ง ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ใน จ.พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ มากกว่า 80 แห่ง ร่วมกันจัดโปรโมชั่น “ปล่อยไก่ เอ้ทตี้ เอ้ทตี้ เอ้ทตี้ 80 วัน 80 แห่ง 80%” รวมกันลดราคา 30-80% เพียงสมัครสมาชิกในเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/greenseasonfunall รับสิทธิส่วนลดได้ตั้งแต่วันนี้-31 ต.ค. 56
ส่วน ททท.สำนักงานแพร่ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ล้านนาตะวันออก (อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน) จัดพิมพ์คู่มือ “ฤดูใบไม้เขียว เที่ยวอุตรดิตถ์ แพร่ น่าน” แนะนำแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 3 จังหวัด ที่เหมาะสมต่อการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน อาทิ เที่ยวชมชิมสวนผลไม้ที่อำเภอลับแล จ.อุตรดิตถ์ เที่ยวชมบ้านเก่าบ้านโบราณที่ จ.แพร่ และนั่งรถรางชมวิถีชีวิตของ จ.น่าน พร้อมรับสิทธิพิเศษ 2 ชั้น ชั้นที่ 1 รับคูปองส่วนลดทันทีที่ใช้บริการ ชั้นที่ 2 ร่วมกิจกรรมถ่ายรูปคู่กับ 3 แหล่งท่องเที่ยว คือ ซุ้มประตูเมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์ คุ้มเจ้าหลวง จ.แพร่ และวัดภูมินทร์ จ.น่าน แล้วโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก แฟนเพจของ ททท.สำนักงานแพร่ รับตุ๊กตาน้องสุขใจ ใส่เสื้อหม้อห้อม ไปนอนกอดกันฟรี ๆ สำหรับ 100 ท่านแรกเท่านั้น
ตามรอยวิถีคนอีสาน

ภาคอีสานนอกจากจะมีศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมแล้ว การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย จึงมีการกำหนดธีมหลักทางการท่องเที่ยวไว้ ได้แก่ “อีสานอัศจรรย์” ที่รวมเอาความอัศจรรย์ทางธรรมชาติและปรากฏการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวของประเทศในภาคอีสานไว้ด้วยกัน “วัฒนธรรมโขง ชี มูล” สัมผัสวิถีและวัฒนธรรมตามลุ่มแม่น้ำในภาคอีสานผ่านเทศกาลงานประเพณีต่าง ๆ ตามความเชื่อวิถีของฮีต 12 “แดนสวรรค์ธรรมชาติ” สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงาม และ “ศรัทธาบารมี อริยสงฆ์” การสักการะศาสนสถานและเรียนรู้หลักธรรมตามแนวทางของบูรพาจารย์ เกจิอาจารย์ชื่อดัง
โดยมีโครงการปู้น ๆ ฉึกฉัก หลงรักอีสาน โปรแกรมท่องเที่ยวทางรถไฟเยือนถิ่นอีสานสัมผัสประเพณีอันยิ่งใหญ่ อาทิ ขึ้นรถไฟไปตักบาตรบนหลังช้าง ณ จ.สุรินทร์และบุรีรัมย์ และสิงหาพาแม่ไหว้พระธาตุ ที่ จ.ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม และโครงการเขาใหญ่-โคราชกอล์ฟโปรโมชั่น 2013 ที่ ททท.สำนักงานนครราชสีมาร่วมกับชมรมผู้บริหารสนามกอล์ฟเขาใหญ่-โคราช จัดทำคูปองใช้เป็นค่ากรีนฟีเพื่อใช้ในสนามกอล์ฟที่เข้าร่วมโครงการ
ครบเครื่องที่ภาคกลาง
ภาคกลางถือว่าได้เปรียบในเรื่องฤดูกาลเพราะแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่นั้นสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่จะมีมุมมองของความสวยงามแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นมนต์เสน่ห์ทะเลวัง ที่หัวหิน-ชะอำ แดนสวรรค์ตะวันตกในราชบุรี-กาญจนบุรี เที่ยวท่องล่องชมวิถีชุมชนที่สมุทรสงคราม-นครปฐม เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ สุขหรรษา และผจญภัยหัวใจสีเขียว
นอกจากนี้ยังมีการจัดทำโครงการเที่ยวทั้งปีไม่มีเบื่อ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางตลอดทั้งปีผ่านกิจกรรมและงานประเพณีต่าง ๆ โครงการอยุธยามหามงคล ไหว้พระ 9 วัด 10 เส้นทางบุญ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และโครงการขับรถเที่ยวภาคกลางในช่วงกรีนซีซั่น ได้แก่ คาราวานเที่ยวเข้าพรรษา 21-23 ก.ค. เส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี-อยุธยา-สุพรรณบุรี และครอบครัวสุขสันต์ 10-12 ส.ค. เส้นทางกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ สอบถามเพิ่มเติม กองตลาดภาคกลาง โทร. 0-2250-5500 ต่อ 1347
สีสันตะวันออก
ป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ หาดทรายและชายทะเลที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ เป็นจุดหมายไม่ไกลกรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในช่วงกรีนซีซั่นผลไม้นานาชนิดทั้งเงาะ มังคุด ทุเรียน ระกำหวาน จะทยอยออกมาให้ลิ้มลอง เพิ่มสีสันนอกเหนือจากอาหารทะเลสดและแปรรูปอีกมากมาย โดยมีโครงการสู่เส้นทางบูรพา เสนอขายรายการนำเที่ยวเส้นทางสีสันเมืองผลไม้ ช่วง พ.ค.-ก.ค. และเส้นทางสีสันผจญภัย ช่วง มิ.ย.-ก.ย.
สำหรับผู้ที่ชอบกิจกรรมผจญภัย ภาคตะวันออกก็มีกิจกรรมให้เลือกมากมาย ทั้งปีนผา ล่องแก่ง เดินป่าชมความงามของธรรมชาติ โดยมีโครงการท่องเที่ยวหัวใจใหม่ ล่องแก่งหินเพิง ที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนของ จ.ปราจีนบุรี ผ่านกิจกรรมล่องแก่ง และการแข่งขันเรือยางชิงแชมป์ประเทศไทย ล่องแก่งหินเพิง วันที่ 19-22 ก.ค.
เที่ยวบกภาคใต้
ช่วงฤดูฝนทะเลและเกาะแก่งบางแห่งอาจไม่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว แต่ภาคใต้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวภาคพื้นดินที่ยังเที่ยวได้อีกหลายแห่ง อาทิ ล่องแก่ง เที่ยวน้ำตกร้อนคลองท่อม เที่ยวสระมรกต จ.กระบี่ เที่ยวชมเมืองเก่าย่านภูเก็ต-พังงา เดินป่าเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายช่วงกรีนซีซั่นร่วมกับ 4 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดพังงาร่วมกับสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา จัดโครงการเหวนรักษ์พังงาพาแม่เที่ยว 10-12 ส.ค. ชมเมืองตะกั่วป่า ล่องแพไม้ไผ่คลองลำรู่ เที่ยวชมอุทยานแห่งชาติเขาหลัก แม่-ลูกปลูกรักษ์ร่วมทำกิจกรรมปล่อยเต่า ที่สถานีอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเล อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา.
กรีนซีซั่น...ห้วงเวลาแห่งเทศกาล
“ช่วงฤดูฝนถือเป็นช่วงเวลาแห่งเทศกาลงานประเพณี โดยเฉพาะในภาคอีสานซึ่งมีประเพณีงานบุญมากมาย ทั้งงานใหญ่อย่างแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี งานประเพณีผีตาโขน จ.เลย งานบุญบั้งไฟ จ.ยโสธร งานแห่ปราสาทผึ้ง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีตามวิถีของฮีต 12 ต้นกำเนิดแห่งวิถีชีวิตซึ่งหลอมรวมความเป็นตัวตนของคนอีสาน” นายธวัชชัย อรัญญิก รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุ
ในส่วนของภาคอื่น ๆ ก็มีเทศกาลงานประเพณีที่หลากหลายไม่แพ้กัน โดยเฉพาะภาคกลางและภาคเหนือ ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประเพณี โดยมีกิจกรรมเด่น ๆ อย่างประเพณีใส่บาตรเทียน ประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำ หนึ่งเดียวในประเทศไทย ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนของแพร่ รวมทั้งประเพณีการแข่งขันเรือยาวทั้งที่พิจิตร น่าน และนครสวรรค์
“ประเพณีการแข่งขันเรือยาวโดยเฉพาะที่น่านได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งในอนาคตหากเป็นไปได้จะมีการพัฒนาให้เป็นงานประเพณีระดับชาติ มีการจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับเทศกาลงานประเพณีของไทยด้วย ซึ่งความจริงแล้วฤดูฝนก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติเองก็เริ่มหันมาท่องเที่ยวประเทศไทยในช่วงนี้เช่นกัน จึงอยากเชิญชวนคนไทยให้เดินทางในช่วงนี้เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน” รองผู้ว่าการ ททท.ทิ้งท้าย.
ที่มา dailynews

10 ที่เที่ยวหน้าฝน เย็นฉ่ำตลอดฤดู

1.โครงการไม้เมืองหนาว อ. เบตง ที่ตั้ง บ้านปิยะมิตร 2 อ. เบตง จ. ยะลา ด้วย อ. เบตงซึ่งตั้งอยู่บนความสูงเฉลี่ย 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีเหมาะกับการปลูกไม้เมืองหนาว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไฮเดรียเยีย เคนีชั่น แกลดิโอลัส ในช่วงปลายฝนบรรยากาศจะเย็นสบายมาก นักท่องเที่ยวสามารถไปพักค้างคืนและลิ้มรสอาหารพื้นถิ่นอย่างไก่เบตงได้
2. บ้านอีต่อง ที่ตั้ง อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี หน้าหนาวที่นี้ไม่มีหมอก ทว่าในหน้าฝนบ้านอีต่องจะปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งวัน ด้วยตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามันฝั่งพม่า ใครที่ชอบความเย็นฉ่ำของละอองฝนแนะนำให้ลองมาสัมผัสซักครั้ง
3.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ตั้ง อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา แม้ผาเดียวดายปิดในช่วงหน้าฝน ทว่าในช่วงปลายฝนจะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปสัมผัสความสมบูรณ์ของป่าดิบเขาบนพื้นที่สูงประมาณ 1,000 ม.จากระดับน้ำทะเล ในบรรยากาศเย็นสบาย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น"ป่าเมฆ"
4.ชิมผลไม้ เมืองลับแล ที่ตั้ง อ. ลับแล จ. อุตรดิตถ์ ในช่วงเดือน มิ.ย.ของทุกปี เป็นช่วงเวลาของทุเรียนพันธุ์หลง-หลินลับแล พันธุ์พื้นถิ่นของ อ. ลับแลที่ออกผลกันพรึ่บพับ รอคอยคอนักชิมผลไม้มาลิ้มรส นอกจากนี้ยังมีลองกอง เงาะซึ่งรสชาติไม่แพ้ จังหวัดทางภาคตะวันออกและภาคใต้
5. ล่องแก่งลุ่มน้ำเข็ก ที่ตั้ง อ.วังทอง จ. พิษณุโลก เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจของฤดูฝนนี้ ล่องก่องน้ำเข็กเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. -ธ.ค. ไปกริ๊ดให้สุดเลียงแต่แรงเหวี่ยงของสายน้ำที่ไหลผ่านแก่งหินซึ่งจัดอยู่ในระดับ 3-5 ตลอดระยะทาง 9 กม.
6. แม่สะเรียง ที่ตั้ง อ. แม่สะเรียง จ. แม่ฮ่องสอน แม่สะเรียงเป็นอำเภอซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำยวม มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเล็กๆ ซึ่งในฤดูฝนจะกลาย้เป็นทุ่งนาอันเขียวละมุนตาของต้นข้าวที่ถูกดำลงดินนับพันต้น ส่วนในย่านเมืองก็มีเกสต์เฮ้าส์ และโรงแรมขนาดเล็กให้นักท่องเที่ยวพัก ให้หายเหนื่อยก่อนเดินเที่ยววัดและวิถีของชาวไทยใหญ่และกะเหรี่ยง
7.อุทยานสวนหินพุทธสถานทวารวดีอู่ทองนิเวศ ตั้งอยู่ ภายในสำนักปฎิบัติธรรมพุหางนาค อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี เป็นสวนหินธรรมชาติ สันนิษฐานว่าเกิดจากลาวาของภูเขาไฟ ถูกกัดเซาะจากลมและฝนทำให้เกิดเป็นรูปร่างต่างๆ ดูสวยงามแปลกตา และยังมีต้นจันทน์ผาอายุหลายร้อยปี ต้นสลัดได ต้นพุดป่า ต้นจำปีป่า ต้นกระเจียวและกล้วยไม้ดินซึ่งจะเจริญเติบโตได้ดีในช่วงหน้าฝน
8.ภูสอยดาว ที่ตั้ง อ. น้ำปาด จ. อุตรดิตถ์ ต้องบอกก่อนว่าช่วงต้นฤดูฝนที่นี้จะปิด และเปิดอีกครั้งในประมาณเดือนส.ค. ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับดอกหงอนนาคจะบานสะพรั่งอวดสีม่วงอ่อนตัดกับสีเขียวของต้นหญ้าและสนต้นสูงชะลูดซึ่งขึ้นเต็มพื้นที่ ยิ่งในช่วงที่แสงอาทิตย์อัสดงสาดพาดลงบนหมู่ดอกหงอนนาค ดูราวกับมีสวรรค์อยู่บนพื้นดิน
9. ภูทับเบิก ที่ตั้ง อ.หล่มเก่า จ. เพชรบูรณ์ ทิวทัศน์กะหล่ำนับหมื่นดอก คงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากภูทับเบิก แต่หลายคนนิยมเที่ยวในหน้าหนาว น้อยคนที่จะรู้ว่าหน้าฝนที่นี้ก็สุดยอด ยิ่งมาในช่วงหลังฝนตกใหม่ๆที่นี้จะปกคลุมไปด้วยหมอกละอองฝนปกคลุมทิวเขาทุ่งกะหล่ำปลี
10.สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย ) ที่ตั้ง อ. ย่านตาขาว จ. ตรัง ฝนตก ดินชุ่ม พืชพรรณไม้ต่างพากันเจริญเติบโตเขียวชอุ่ม เหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินสะพานแขวนเรือยอดไม้แห่งแรกของประเทศไทย ชมความงดงามของป่าดิบชื้นซึ่งอุดมไปไม้เคี่ยม หูยาน พะยอม ส่วนพืชชั้นล่างจำพวกเฟิน เห็ด ราก็ขึ้นอยู่หลายชนิดในพื้นที่อนุรักษ์อันกว้างขวางเกือบ 1,000 ไร่
ที่มา sanook

แห่เที่ยวหุบเขามรณะ ร้อนจนทอดไข่ดาวได้

วันนี้ (10 ก.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน แห่เที่ยวหุบเขามรณะหรือDeath Valley ซึ่งเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ที่ตั้งอยู่ในEastern California
หุบเขามรณะ ร้อนจนทอดไข่ได้
โดยบริเวณหุบเขาดังกล่าวประกอบด้วยทะเลทรายที่มีสภาพภูมิอากาศค่อนข้างร้อน เนื่องจากมีช่วงของฤดูร้อนที่ยาวนาน มีฝนตกน้อย จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอากาศร้อนมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นอกจากนี้บริเวณหุบเขามรณะยังมีความดันอากาศแตกต่างจากพื้นที่ทั่วไปทำให้ความร้อนแผ่กระจายเป็นวงกว้าง
ร้อนจนทอดไข่ได้
จากการที่หุบเขามรณะมีความร้อนสูงทำให้นักท่องเที่ยวแห่มาเที่ยวชมและพกไข่ไก่มาทอดด้วย โดยอากาศของที่นี่สามารถทอดไข่ดาวได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาที ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนหุบเขามรณะมักจะนิยมตอกไข่ลงบนหินหรือทางเดิน และเฝ้ามองไข่สุก เพื่อพิสูจน์ความร้อนของอากาศและเมื่อไข่สุกก็จะทิ้งไว้อย่างนั้น
ซึ่งการแห่มาทอดไข่ดาวของนักท่องเที่ยวทำให้เกิดขยะไข่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วบริเวณนั้น ทำให้ทางการเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลDeath Valleyได้มีการประกาศเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวนำไข่เข้ามาทอดแล้ว และให้เตรียมสภาพร่างกาย ดื่มน้ำมากๆก่อนเข้ามายังหุบเขามรณะด้วยเพราะความร้อนอาจจะมีอันตรายต่อสุขภาพได้

ที่มา mthai